สมุนไพรในครัวแก้เล็บมีปัญหา
ปัญหาของเล็บอาจเนื่องมาจากแบคทีเรีย และเชื้อราจำพวกกลากหรือแคนดิดา (Candida) หรือเกิดจากกิจวัตรประจำวันของเราอย่างเช่น แคะ แกะ เกา ซักผ้าด้วยมือ ล้างจาน สวมถุงมือ สวมรองเท้าที่คับเกินไป โดนหนีบหรือโดนกระแทกด้วยของแข็ง เป็นต้น ปัญหาเหล่านี้เป็นปัจจัยทำให้เล็บมีปัญหา ซึ่งบางครั้งเราสามารถแก้ไขในเบื้องต้นได้ แต่ถ้าหากอาการยังต่อเนื่องลุกลามไปถึงขั้นเสียรูปทรงเล็บ อาจจะต้องบำรุงจากภายในทั้งการรับประทานอาหาร และการฟื้นฟูจากภายนอกโดยการบำรุงด้วยสมุนไพรในระยะหนึ่ง ซึ่งสมุนไพรที่จะช่วยบำรุงเล็บของเราให้ดูสุขภาพดี แข็งแรงนั้นก็หาได้ง่ายในครัวของเรา ได้แก่ ผลมะกรูด ไพล ใบพลู และใบฝรั่ง ดังนี้
1. รักษาเชื้อราด้วยน้ำมะกรูด
สาเหตุ : เชื้อราเป็นโรคอันดับต้น ๆ ที่สามารถเป็นได้ง่ายมาก มักเกิดจากการที่เล็บมือหรือเล็บเท้าอยู่ในที่อับชื้น อากาศไม่ถ่ายเทเป็นระยะเวลานาน เชื้อราส่วนใหญ่เกิดกับเล็บเท้ามากกว่าเล็บมือ เพราะเล็บมือเราแห้งอยู่ตลอดเวลา แต่เล็บเท้าบางครั้งเราสวมรองเท้าและถุงเท้านานเกือบตลอดทั้งวัน โดยที่ไม่ได้ถอดรองเท้าระบายอากาศบ้าง เมื่อเหงื่อออกเท้าเกิดความชื้นก็สามารถก่อให้เกิดเชื้อราที่เล็บและมีกลิ่น เท้าได้
บริเวณที่เป็น : อาจเริ่มต้นจากบริเวณจมูกเล็บ (Nail Groove) และลามกินแผ่นเล็บ (Nail Plate) ไปเรื่อย ๆ เป็นบริเวณกว้างหรืออาจจะทั้งแผ่นเล็บก็ได้ ส่งผลทำให้เล็บมีสีเหลือง อาจมีกลิ่น และบริเวณที่เป็นเชื้อราจะมีลักษณะขรุขระ แนวทางแก้ไขเบื้องต้นคือ ต้องคอยเล็มส่วนที่เป็นเชื้อราทิ้งไปให้หมด จนกว่าเซลล์เล็บที่เกิดใหม่ไม่มีลักษณะเป็นเชื้อราอีก ถ้าหากยังเป็นอยู่ควรไปพบแพทย์
บำรุงด้วยสมุนไพร
1.นำผลมะกรูดมาคั้นน้ำ และใช้สำลีชุบน้ำมะกรูดทาบริเวณที่ติดเชื้อให้บ่อยครั้ง น้ำมะกรูดจะช่วยฆ่าเชื้อราให้ลดลงจนหมดไป
2.เน้นบริโภคผักสวนครัวจำพวกกระเทียม หัวหอม ถั่วฝัก พริก และบร็อคโคลี หรือผักใบเขียว อาหารทะเลจำพวกหอย ปลาแซลมอน ปลาทูน่า และผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม มะขาม แตงโม เป็นต้น อาหารเหล่านี้จะช่วยยับยั้งเซลล์แบคทีเรีย และเชื้อราบนผิวหนังให้มีจำนวนลดลงจนหายไปในที่สุด
2. ไพล ใบพลู และใบฝรั่งแก้อาการเล็บขบ ช้ำ และเป็นหนอง
สาเหตุ : เมื่อเล็บยาวขึ้น แล้วตัดเล็บผิดรูปทรงคือ ตัดให้มีลักษณะปลายโค้งงอเป็นรูปไข่ ทำให้เล็บที่งอกใหม่ไปเจริญฝังและกดแนวจมูกเล็บ หรือสวมรองเท้าที่คับแน่นเท้าจนเกินไป จนทำให้รู้สึกปวดมากเมื่อถูกกดทับ หากปล่อยทิ้งไว้นานจะทำให้ช้ำและอักเสบจนเป็นหนองได้
บริเวณที่เป็น : อาการนี้เป็นได้กับทั้งเล็บมือและเล็บเท้าในบริเวณจมูกเล็บ แนวทางแก้ไขเบื้องต้นคือ หมั่นเล็มขอบเล็บให้บ่อยครั้ง หลีกเลี่ยงการสวมรองเท้าที่บีบรัดหน้าเท้า และอย่าตัดขอบเล็บให้ลึกจนเข้าไปกินเนื้อ เพราะหากขอบเล็บเกิดแผล เล็บที่งอกใหม่จะเจริญจนไปฝังตัวทิ่มบริเวณที่เป็นแผล
บำรุงด้วยสมุนไพร
1. ใช้แง่งไพลสด 1 แง่ง (ยาวประมาณ 2 นิ้ว) โขลกรวมกับเกลือประมาณ 1 หยิบมือ และข้าวสุกประมาณ 1 กำมือ โขลกจนรวมตัวกันเข้าที่ แล้วนำไปพอกเล็บที่ขบทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออก
2. ใช้ใบพลูหรือใบฝรั่งประมาณ 3-5 ใบ นำมาตำรวมกับเกลือประมาณ 1 หยิบมือและพอกไว้บริเวณที่เล็บขบ ใช้ผ้าพันเพื่อปิดแผลไว้ ควรพอกอย่างต่อเนื่องประมาณ 5-7 วัน อาการช้ำและเล็บขบจะค่อย ๆ ทุเลาลงจนหายดี และเพื่อความสะอาดควรเปลี่ยนผ้าพันทุกวัน วันละสองเวลาเช้าและเย็น